<?php
$sql ="select * from student order by id asc ";
เป็นบรรทัดแรกของตารางโดยให้เรียงรหัสนักเรียนจากน้อยไปมาก
$query=mysql_query($sql) or die(mysql_error());
เป็นฟังก์ชันที่ประมาลผลคำสั่งของ sql
ซึ่งบันทัดแรกและบันทัดที่สองต้องเป็นคำสั่งที่ต้องควบคู่กันตลอด
$num=mysql_num_rows($query);
เป็นการเช็คจำนวนเรกคอร์ด
echo $num;
เป็นการแสดงตัวแปร $num
?>
สู่ฝันทันตแพทย์
วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
url
<?php //echo"สวัสดี php";
$scor='88';
if($score<50){
echo '0';
}else if($score<55){
echo '1';
}else if($score<60){
echo '1.5';
}else if($score<65){
echo '2';
}else if($score<70){
echo '2.5';
}else if($score<75){
echo '3';
}else if($score<80){
echo '4';
}
?>
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556
การฟอกสีฟัน
การ ฟอกสีฟัน แบ่งตามกรรมวิธีได้ 2 อย่างคือ
1. in -office หมายถึง หมอทำการฟอกสีฟันให้ที่คลินิก ใช้เวลา ประมาณ 30-60 นาที
การฟอกสีฟัน (Vital Bleaching หรือ Tooth Whitening) เป็นการใช้สารปล่อยออกซิเจน ที่มีความเข้มข้นสูง
ทาที่ฟันที่มีการเปลี่ยนสี ชุดน้ำยาฟอกสีฟันนี้ ได้แก่ สารพวกไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ การฟอกสีฟันนั้น เมื่อปล่อยไว้สักระยะ
จะกลับเปลี่ยนสีได้อีก ต้องมีการทำซ้ำ
ปัจจุบันนอกจากการใช้น้ำยาฟอกแบบธรรมดาแล้วยังมี การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ เป็นการใช้เลเซอร์ความยาวคลื่นเฉพาะ ทำงานร่วมกับเจลพิเศษซึ่งมีตัวรับพลังงาน สามารถเร่งปฏิกิริยาฟอกสีฟันให้เร็วขึ้น โดยใช้เวลาในคลินิกประมาณ 30-45 นาที เปรียบเทียบกับแบบเดิมซึ่งฟอกสีฟันที่บ้านใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ความขาวในระดับใกล้เคียงกัน กลไกปฏิกิริยาเกิดจากสารพวกเปอร์ออกไซด์ แตกตัวให้ออกซิเจนอิสระเสถียรต่ำซึมผ่านชั้นเคลือบฟันทำปฏิกิริยากับสารโมเลกุลใหญ่สีเข้มในเนื้อฟัน ทำให้เกิดการแตกสลาย ตัวเป็นสารโมเลกุลเล็ก สีอ่อนลง หรือเป็นสารไม่มีสี ทำให้ฟันดูขาวใส เป็นธรรมชาติมากขึ้น
ปัจจุบันนอกจากการใช้น้ำยาฟอกแบบธรรมดาแล้วยังมี การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ เป็นการใช้เลเซอร์ความยาวคลื่นเฉพาะ ทำงานร่วมกับเจลพิเศษซึ่งมีตัวรับพลังงาน สามารถเร่งปฏิกิริยาฟอกสีฟันให้เร็วขึ้น โดยใช้เวลาในคลินิกประมาณ 30-45 นาที เปรียบเทียบกับแบบเดิมซึ่งฟอกสีฟันที่บ้านใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ความขาวในระดับใกล้เคียงกัน กลไกปฏิกิริยาเกิดจากสารพวกเปอร์ออกไซด์ แตกตัวให้ออกซิเจนอิสระเสถียรต่ำซึมผ่านชั้นเคลือบฟันทำปฏิกิริยากับสารโมเลกุลใหญ่สีเข้มในเนื้อฟัน ทำให้เกิดการแตกสลาย ตัวเป็นสารโมเลกุลเล็ก สีอ่อนลง หรือเป็นสารไม่มีสี ทำให้ฟันดูขาวใส เป็นธรรมชาติมากขึ้น
การ ฟอกสีฟัน แบ่งตามกรรมวิธีได้ 2 อย่างคือ
1. in -office หมายถึง หมอทำการฟอกสีฟันให้ที่คลินิก ใช้เวลา ประมาณ 30-60 นาที
2. home bleaching หมายถึง หมอจ่ายยาฟอกสีฟัน
ไปให้คนไข้ทำเองที่บ้าน
โดยหมอจะต้องพิมพ์ฟันเพื่อทำถาดสำหรับฟอกสีฟันเฉพาะตัวให้ก่อน
ความเข้มข้นของน้ำยาที่ใช้ฟอกสีฟันที่บ้านเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในร้านหมอฟัน
แต่ความเข้มข้นจะต่ำกว่า และได้ผลช้ากว่า ทว่าราคาอาจจะถูกกว่า
***ทันตแพทย์แนะนำให้ทำทั้ง 2 วิธีร่วมกัน โดยวิธี in-office จะช่วยทำให้ฟันขาวได้มากที่สุด ส่วนวิธี home bleaching ใช้เพื่อรักษาระดับความขาวไว้ให้ต่อเนื่อง
การรักษารากฟัน
การรักษารากฟันคือ
การตัดโพรงประสาทฟัน หรือเนื้อเยื่อขนาดเล็กที่อยู่ใจกลางฟัน
ซึ่งเมื่อโพรงประสาทฟันที่ถูกทำลาย อักเสบ หรือตายถูกตัดออก
พื้นที่ส่วนที่เหลือก็จะถูกทำความสะอาด จัดรูปทรง และอุด
กระบวนการนี้จะเป็นการปิดคลุมรากฟัน เมื่อหลายปีก่อน
ฟันที่มีโพรงประสาทฟันอักเสบจะต้องถูกถอนออก แต่ในปัจจุบัน
การรักษารากฟันจะช่วยรักษาฟันไว้ได้
สาเหตุส่วนใหญ่ของการที่โพรงประสาทฟันถูกทำลายหรือตายได้แก่
-ฟันแตก
-ฟันผุอย่างรุนแรง
-อาการบาดเจ็บของฟัน เช่น การกระแทกอย่างแรงที่ฟัน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไม่นานหรือในอดีต
-ฟันแตก
-ฟันผุอย่างรุนแรง
-อาการบาดเจ็บของฟัน เช่น การกระแทกอย่างแรงที่ฟัน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไม่นานหรือในอดีต
เมื่อโพรงประสาทฟันติดเชื้อหรือตาย ถ้าเราปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา
จะมีการก่อตัวที่ปลายรากฟันในกระดูก ขากรรไกร เกิดเป็นฝีได้
และสามารถทำลายกระดูกรอบๆ ฟันทำให้เกิดอาการปวด
การรักษารากฟันทำอย่างไร
การรักษารากฟันประกอบด้วยหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลาพบทันตแพทย์หลายครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยมีขั้นตอนดังนี้:
ขั้นตอนแรก คือการเปิดที่ด้านหลังของฟันหน้า หรือครอบฟันของฟันกราม
หลังจากที่โพรงประสาทฟันที่เสียถูกตัดออก (การรักษาโพรงประสาทฟัน) จะมีการทำความสะอาดโพรงประสาทฟันในตัวฟันและรากฟัน และตกแต่งเพื่อทำการอุดต่อไป
ถ้าต้องมีการพบทันตแพทย์มากกว่า 1 ครั้ง จะมีการอุดชั่วคราวไปก่อนเพื่อปกป้องฟันระหว่างรอการรักษาต่อไป
เมื่อวัสดุอุดฟันชั่วคราวถูกถอนออก ทันตแพทย์จะทำการอุดถาวรโดยใช้วัสดุคล้ายยางเป็นแท่งเล็กๆ เรียกว่า Gutta-percha เติมลงไปที่คลองรากและปิดด้วยซีเมนต์ บางครั้งอาจมีการใส่โลหะหรือพลาสติกแท่งลงไปเพื่อประคองฟันไว้
ในขั้นตอนสุดท้าย ครอบฟันมักจะต้องใช้เพื่อคลุมฟัน และรักษารูปทรงธรรมชาติ ถ้าฟันล้มอาจจำเป็นต้องใช้ที่ค้ำก่อนทำการครอบฟัน
การรักษารากฟันประกอบด้วยหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลาพบทันตแพทย์หลายครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยมีขั้นตอนดังนี้:
ขั้นตอนแรก คือการเปิดที่ด้านหลังของฟันหน้า หรือครอบฟันของฟันกราม
หลังจากที่โพรงประสาทฟันที่เสียถูกตัดออก (การรักษาโพรงประสาทฟัน) จะมีการทำความสะอาดโพรงประสาทฟันในตัวฟันและรากฟัน และตกแต่งเพื่อทำการอุดต่อไป
ถ้าต้องมีการพบทันตแพทย์มากกว่า 1 ครั้ง จะมีการอุดชั่วคราวไปก่อนเพื่อปกป้องฟันระหว่างรอการรักษาต่อไป
เมื่อวัสดุอุดฟันชั่วคราวถูกถอนออก ทันตแพทย์จะทำการอุดถาวรโดยใช้วัสดุคล้ายยางเป็นแท่งเล็กๆ เรียกว่า Gutta-percha เติมลงไปที่คลองรากและปิดด้วยซีเมนต์ บางครั้งอาจมีการใส่โลหะหรือพลาสติกแท่งลงไปเพื่อประคองฟันไว้
ในขั้นตอนสุดท้าย ครอบฟันมักจะต้องใช้เพื่อคลุมฟัน และรักษารูปทรงธรรมชาติ ถ้าฟันล้มอาจจำเป็นต้องใช้ที่ค้ำก่อนทำการครอบฟัน
ฟันที่รับการรักษาจะอยู่ได้นานเท่าใด
ฟันที่ได้รับการรักษาหรือฟื้นฟูสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตถ้ามีการดูแลอย่างเหมาะสม เพราะฟันผุยังสามารถเกิดขึ้นได้อีกในฟันที่รับการรักษาแล้ว สุขอนามัยของปากและฟันที่ดีตลอดจนการพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
เนื่องจากไม่มีโพรงประสาทฟันเหลือเพื่อให้ฟันยังมีชีวิตอยู่ ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันอาจมีความเปราะและแตกได้ง่าย จึงเป็นสาเหตสำคัญในการครอบฟันหลังจากที่รับการรักษารากฟันแล้ว
วิธีที่ใช้ในการตัดสินว่าการรักษาประสบความสำเร็จหรือไม่ คือ การเอ็กซเรย์เพื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษา ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ากระดูกยังคงถูกทำลายหรือมีการสร้างตัวใหม่
ฟันที่ได้รับการรักษาหรือฟื้นฟูสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตถ้ามีการดูแลอย่างเหมาะสม เพราะฟันผุยังสามารถเกิดขึ้นได้อีกในฟันที่รับการรักษาแล้ว สุขอนามัยของปากและฟันที่ดีตลอดจนการพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
เนื่องจากไม่มีโพรงประสาทฟันเหลือเพื่อให้ฟันยังมีชีวิตอยู่ ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันอาจมีความเปราะและแตกได้ง่าย จึงเป็นสาเหตสำคัญในการครอบฟันหลังจากที่รับการรักษารากฟันแล้ว
วิธีที่ใช้ในการตัดสินว่าการรักษาประสบความสำเร็จหรือไม่ คือ การเอ็กซเรย์เพื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษา ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ากระดูกยังคงถูกทำลายหรือมีการสร้างตัวใหม่
ฟันเกย์ เหอๆๆ ฟันเก ตะหาก
ฟันเก หมายถึง
ฟันที่ขึ้นมาแล้วไม่อยู่ในตำแหน่งที่เป็นปกติ อาจมีลักษณะเป็นฟันซ้อนกัน ฟันยื่น
ฟันห่างหรือฟันล้มเอียง ผู้ที่มีฟันเกจึงมักจะไม่ชอบใจถ้าฟันเกนั้นอยู่ข้างหน้า
เพราะทำให้ยิ้มแล้วดูไม่สวยงาม
สาเหตุของฟันเก ฟันเกเกิดจากสาเหตุใหญ่ 2 อย่าง
- กรรมพันธุ์
- สิ่งแวดล้อม
สาเหตุจากกรรมพันธุ์ พ่อแม่ที่มีฟันเก ลูกมักจะมีฟันเกตามไปด้วย อาจเกิดจาก
1. โครงสร้างของใบหน้าไม่ได้สัดส่วน ในด้านขนาดและความสัมพันธ์ของขากรรไกรบนและล่าง อาจยื่นมากเกินไปหรือเล็กเกินไป
2. ขนาดของฟันโตเกินไป ทำให้การเรียงตัวของฟันในขากรรไกรไม่เป็นระเบียบ เกิดการซ้อนเก
3. ชนิดของฟันเล็กเกินไป การเรียงตัวของฟันจึงห่าง หรือบางครั้งฟันห่างเนื่องจากฟันขึ้นไม่ครบ ขาดหายไปบางซี่
4. ฟันขึ้นผิดตำแหน่งสลับที่กัน
5. ขนาดของลิ้นใหญ่ผิดปกติ ทำให้ฟันที่อยู่รอบๆ ถูกดันห่างออก
6. สภาพของกล้ามเนื้อมีแรงเกิดขึ้นขณะพูด กลืน เคี้ยว ทำให้ฟันถูกผลักดันออกไปจากตำแหน่งปกติได้
7. ฟันหน้าห่าง เนื่องจากเยื่อที่ยึดระหว่างฟันหน้าบน 2 ซี่ เกาะต่ำกว่าปกติ
8. ฟันเก อาจพบในคนที่มีความผิดปกติของช่องปาก เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่
สาเหตุจากสิ่งแวดล้อม
1. ฟันน้ำนมถูกถอนเร็วกว่าปกติ เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย เนื่องจากผู้ปกครองมักจะไม่เข้าใจถึงความสำคัญของฟันน้ำนม และปล่อยให้ผุจนถึงต้องถอนออกก่อนกำหนด
2. ฟันเกที่เกิดจากการที่ฟันน้ำนมคงอยู่ในปากนานเกินไป ทำให้ฟันแท้ต้องแทรกเบียดขึ้นเอียงไปทางอื่นเกิดฟันซ้อนขึ้น
3. ฟันเกที่เกิดจากสุขนิสัยบางอย่างเป็นระยะเวลานานเกินไป เช่น การดูดนิ้ว การกลืนที่ผิดปกติ
การรักษา โดยการจัดฟัน ซึ่งมักจะเริ่มจัดตั้งแต่อายุ 9-14 ปี เพราะเป็นระยะที่เหมาะสม เนื่องจากกำลังอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร การจัดฟันนั้นจะสามารถจัดฟันได้เร็วและฟันจะเข้าที่ๆ ต้องการได้ง่ายกว่าที่จะจัดหลังจากกระดูกขากรรไกรและฟันเจริญเติบโตเต็มที่แล้วการป้องกัน การป้องกันจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์นั้นป้องกันไม่ได้ แต่ฟันเกที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมจะป้องกันได้ผู้ปกครองมีส่วนช่วยได้อย่างมาก โดยช่วยดูแลสุขภาพของฟันเด็ก อย่าให้ฟันถูกถอนไปก่อนกำหนดและควรสนใจหาความรู้ในการป้องกันโรคฟัน ตลอดจนพาเด็กไปพบทันตแพทย์ให้ตรวจฟันเป็นระยะๆ ถ้ามีโอกาส เพราะโรคฟันนั้นป้องกันได้ผลดี
สาเหตุของฟันเก ฟันเกเกิดจากสาเหตุใหญ่ 2 อย่าง
- กรรมพันธุ์
- สิ่งแวดล้อม
สาเหตุจากกรรมพันธุ์ พ่อแม่ที่มีฟันเก ลูกมักจะมีฟันเกตามไปด้วย อาจเกิดจาก
1. โครงสร้างของใบหน้าไม่ได้สัดส่วน ในด้านขนาดและความสัมพันธ์ของขากรรไกรบนและล่าง อาจยื่นมากเกินไปหรือเล็กเกินไป
2. ขนาดของฟันโตเกินไป ทำให้การเรียงตัวของฟันในขากรรไกรไม่เป็นระเบียบ เกิดการซ้อนเก
3. ชนิดของฟันเล็กเกินไป การเรียงตัวของฟันจึงห่าง หรือบางครั้งฟันห่างเนื่องจากฟันขึ้นไม่ครบ ขาดหายไปบางซี่
4. ฟันขึ้นผิดตำแหน่งสลับที่กัน
5. ขนาดของลิ้นใหญ่ผิดปกติ ทำให้ฟันที่อยู่รอบๆ ถูกดันห่างออก
6. สภาพของกล้ามเนื้อมีแรงเกิดขึ้นขณะพูด กลืน เคี้ยว ทำให้ฟันถูกผลักดันออกไปจากตำแหน่งปกติได้
7. ฟันหน้าห่าง เนื่องจากเยื่อที่ยึดระหว่างฟันหน้าบน 2 ซี่ เกาะต่ำกว่าปกติ
8. ฟันเก อาจพบในคนที่มีความผิดปกติของช่องปาก เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่
สาเหตุจากสิ่งแวดล้อม
1. ฟันน้ำนมถูกถอนเร็วกว่าปกติ เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย เนื่องจากผู้ปกครองมักจะไม่เข้าใจถึงความสำคัญของฟันน้ำนม และปล่อยให้ผุจนถึงต้องถอนออกก่อนกำหนด
2. ฟันเกที่เกิดจากการที่ฟันน้ำนมคงอยู่ในปากนานเกินไป ทำให้ฟันแท้ต้องแทรกเบียดขึ้นเอียงไปทางอื่นเกิดฟันซ้อนขึ้น
3. ฟันเกที่เกิดจากสุขนิสัยบางอย่างเป็นระยะเวลานานเกินไป เช่น การดูดนิ้ว การกลืนที่ผิดปกติ
การรักษา โดยการจัดฟัน ซึ่งมักจะเริ่มจัดตั้งแต่อายุ 9-14 ปี เพราะเป็นระยะที่เหมาะสม เนื่องจากกำลังอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร การจัดฟันนั้นจะสามารถจัดฟันได้เร็วและฟันจะเข้าที่ๆ ต้องการได้ง่ายกว่าที่จะจัดหลังจากกระดูกขากรรไกรและฟันเจริญเติบโตเต็มที่แล้วการป้องกัน การป้องกันจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์นั้นป้องกันไม่ได้ แต่ฟันเกที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมจะป้องกันได้ผู้ปกครองมีส่วนช่วยได้อย่างมาก โดยช่วยดูแลสุขภาพของฟันเด็ก อย่าให้ฟันถูกถอนไปก่อนกำหนดและควรสนใจหาความรู้ในการป้องกันโรคฟัน ตลอดจนพาเด็กไปพบทันตแพทย์ให้ตรวจฟันเป็นระยะๆ ถ้ามีโอกาส เพราะโรคฟันนั้นป้องกันได้ผลดี
ฟันตุ๊ด เอ้ยย ฟันคุด ...
2.เหงือกอักเสบ
เช่นเดียวกับปัญหาแรก การมีฟันคุดอยู่ในปากนั้นหมายความว่าเรายินยอมให้เชื้อโรคแบคทีเรียต่างๆจากเศษอาหารยึดครองช่องปากของเราไว้ ดังนั้นไม่เพียงแต่ฟันซี่อื่นที่อาจได้รับเชื้อโรคเหล่านี้ไปแล้ว เหงือกเราเองก็มีโอกาสได้รับเช่นเดียวกัน และในที่สุดเมื่อเหงือกได้รับเชื้อโรคเข้าไปก็จะทำให้เกิดอาการเหงือกอักเสบ
3.ฟันเก
ฟันคุดที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เหงือกนั้นมีแรงผลักดันที่มากพอสมควร ซึ่งการที่เราปล่อยฟันคุดทิ้งไว้ก็จะทำให้ฟันซี่อื่นได้รับแรงดันจากฟันซี่ที่คุดและมีโอกาสกลายเป็นฟันเกได้
ตามปกติแล้วคนเราจะมีฟันแท้อยู่ด้วยกันทั้งหมด
32 ซี่ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นฟันบน 16 ซี่และฟันล่างอีก 16 ซี่
ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะแบ่งออกเป็นสองด้านคือ ด้านซ้ายและด้านขวาอย่างละ 8 ซี่รวมแล้วก็จะได้ทั้งหมด 32 ซี่
แต่หลายๆคนก็มักจะมีฟันแท้ขึ้นไม่ครบ 32 ซี่เนื่องด้วยบางซี่ที่ยังฝังตัวอยู่ในเหงือกอย่างผิดปกติและไม่โผล่ขึ้นมาหรือโผล่พ้นขึ้นมาจากเหงือกเพียงเล็กน้อยเจ้านี่แหละครับที่มีชื่อเรียกว่า
"ฟันคุด"
สำหรับฟันคุดนี้นั้นก็ถือว่าเป็นความผิดปกติของฟันที่ทันตแพทย์แนะนำให้ไม่เก็บไว้เนื่องจาก "ฟันคุด" จะสร้างปัญหาต่างๆมากมายตามมาในภายหลังได้และปัญหาเหล่านั้นก็อาจจะบานปลายกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมได้ในอนาคต
โดยปัญหาต่างๆที่จะตามมาถ้าหากปล่อยฟันคุดทิ้งไว้ก็มีดังต่อไปนี้
1.ฟันผุ
ฟันคุดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฟันซี่อื่นมีโอกาสผุตามไปด้วย นั่นก็เป็นเพราะฟุนคุดเป็นแหล่งสะสมเศษอาหารชั้นเยี่ยมนั่นเองและฟันคุดยังเป็นฟันที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ตามปกติ ดังนั้นการมีฟันคุดอยู่ในปากก็ย่อมหมายถึงการมีเชื้อโรคอยู่ในปากมากกว่าปกตินั่นเอง
ฟันคุดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฟันซี่อื่นมีโอกาสผุตามไปด้วย นั่นก็เป็นเพราะฟุนคุดเป็นแหล่งสะสมเศษอาหารชั้นเยี่ยมนั่นเองและฟันคุดยังเป็นฟันที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ตามปกติ ดังนั้นการมีฟันคุดอยู่ในปากก็ย่อมหมายถึงการมีเชื้อโรคอยู่ในปากมากกว่าปกตินั่นเอง
2.เหงือกอักเสบ
เช่นเดียวกับปัญหาแรก การมีฟันคุดอยู่ในปากนั้นหมายความว่าเรายินยอมให้เชื้อโรคแบคทีเรียต่างๆจากเศษอาหารยึดครองช่องปากของเราไว้ ดังนั้นไม่เพียงแต่ฟันซี่อื่นที่อาจได้รับเชื้อโรคเหล่านี้ไปแล้ว เหงือกเราเองก็มีโอกาสได้รับเช่นเดียวกัน และในที่สุดเมื่อเหงือกได้รับเชื้อโรคเข้าไปก็จะทำให้เกิดอาการเหงือกอักเสบ
3.ฟันเก
ฟันคุดที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เหงือกนั้นมีแรงผลักดันที่มากพอสมควร ซึ่งการที่เราปล่อยฟันคุดทิ้งไว้ก็จะทำให้ฟันซี่อื่นได้รับแรงดันจากฟันซี่ที่คุดและมีโอกาสกลายเป็นฟันเกได้
โรคเหงือก -0-
"เหงือกร่น Gum Recession"
"เหงือกร่น Gum Recession"
คนปกติจะมีเหงือกสีชมพูและปิดฟันทำให้ไม่เห็นร่องฟัน
เหงือกร่นอาจจะไม่มีอาการอะไร แต่เป็นสัญญาณว่าจะเป็นโรคเหงือก
ลักษณะที่สำคัญของเหงือกร่นคือ จะเห็นร่องฟันตั้งแต่ 2 ซี่ขึ้นไป และเห็นรากฟัน
"เลือดออกจากเหงือก"
หากแปรงฟันแล้วเลือดออกแสดงว่าเป็นโรคเหงือก
แม้ว่าจะไม่มีเลือดออกก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นโรคเหงือก
เพราะคนปกติจะหลีกเลี่ยงแปรงฟันบริเวณที่ปวดหรือมีปัญหา
"เหงือกแดง"
ปกติเหงือกจะมีสีชมพู การที่เหงือกแดงแสดงว่ามีการอักเสบของเหงือก
หากมีการกดเจ็บร่วมด้วยแสดงว่ามีการอักเสบ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)