ฟันผุ!
ฟันของคนเราปรกติจะมีการ demineralization เป็นการที่แร่ธาตุของผิวฟันถูกขับออก
และมี remineralizatio หรือขบวนการเติมแร่ธาตุให้กับผิวฟันโดยแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำลาย
หากขบวนการเติมแร่มากกว่าขบวนการขับออกฟันฟันจะปรกติ
เมื่อขบวนการละลายแร่ธาตุมากกว่าขบวนการสร้างก็จะเกิดฟันผุ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะเชื้อ Streptococcus mutan และ Lactobasillus ย่อยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตทำให้เกิดกรดซึ่งจะทำลายผิวเคลือบฟัน ในรายที่เริมเป็นจะเห็นเป็นสีขาวขุ่นเล็กๆที่ผิวฟัน ในระยะนี้หากตรวจพบ และรักษาสุขอนามัยก็จะทำให้ผิวฟันกลับปกติ หากยังมาการละลายของผิวฟันต่อไปอีกก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลซึ่งหากยังไม่เป็นรูก็ยังสามารถกลับคืนสู่ปกติได้ หากกลายเป็นรูก็จะคงรูปตลอด และหากไม่รักษาก็จะมีอาการปวดฟันจนกระทั่งฟันร่วง
เมื่อขบวนการละลายแร่ธาตุมากกว่าขบวนการสร้างก็จะเกิดฟันผุ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะเชื้อ Streptococcus mutan และ Lactobasillus ย่อยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตทำให้เกิดกรดซึ่งจะทำลายผิวเคลือบฟัน ในรายที่เริมเป็นจะเห็นเป็นสีขาวขุ่นเล็กๆที่ผิวฟัน ในระยะนี้หากตรวจพบ และรักษาสุขอนามัยก็จะทำให้ผิวฟันกลับปกติ หากยังมาการละลายของผิวฟันต่อไปอีกก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลซึ่งหากยังไม่เป็นรูก็ยังสามารถกลับคืนสู่ปกติได้ หากกลายเป็นรูก็จะคงรูปตลอด และหากไม่รักษาก็จะมีอาการปวดฟันจนกระทั่งฟันร่วง
"สาเหตุของฟันผุมีอะไรบ้าง"
ปัจจัยที่จะทำให้เกิดฟันผุจะมีอยู่ 4 สาเหตุ จากฟัน แบคทีเรีย อาหาร
และระยะเวลา
1.สาเหตุจากฟัน
มีโรคฟันบางประเภทที่มีเกลือแร่ที่เนื้อฟันน้อยทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย
นอกจากนั้นผู้ที่มีร่องบนฟันมากหรือลึกก็จะเกิดฟันผุได้ง่าย และผู้ที่เป็นโรคเหงือกมีเหงือกร่นทำให้อ้วน
Dentin สัมผัสสภาพในฟัน Dentin จะมีเกลือแร่เป็นองค์ประกอบน้อยกว่าผิวฟันซึ่งในสภาพปากปกติก็ทำให้เกิดฟันผุได้(ผิวฟันปรกติจะต้องมีpH<5.5จึงจะเกิดฟันผุ)
2.เชื้อแบคทีเรีย
ผู้ที่มีเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวข้องต้นหากมีมากที่คราบหินปูนหรือที่ร่องฟันมากก็จะทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย
3.อาหาร
อาหารแป้ง
น้ำตาลจะถูกย่อยโดยเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดกรดซึ่งหากฟันสัมผัสกรดเป็นเวลานาน หรือบ่อย
ผิวฟันก็จะสึกและผุ ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานอาหารจำพวกแป้งหรือน้ำตาลให้บ่อยมาก
4.ระยะเวลาที่ฟันเจอกับกรด
ปกติเมื่อทายอาหารแป้งและมีเศษอาหารเหลือ
เชื้อแบคทีเรียจะย่อยสลายทำให้เกิดกรด และมีการละลายของผิวฟัน แต่ปริมาณน้ำลาย
และเกลือแร่ในน้ำลายจะลดความเป็นกรดและเติมเกลือแร่ให้กับฟัน
ดังนั้นหากรับประทานอาหารบ่อย หรือน้ำลายน้อยก็จะทำให้ฟันอยู่ในสภาพเป็นกรดนาน
ฟันจะเสี่ยงต่อฟันผุได้
"การป้องกันฟันผุ"
1.เรื่องสุขอนามัยในช่องปาก ได้แก่การแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
และการใช้ไหมขัดฟัน
2.จะต้องปรับเปลี่ยนเรื่องอาหารได้การลดอาหารหวานหรือจำพวกแป้ง จะต้องลดความถี่ของการรับประทานของหวานลง 3.นอกจากนั้นอาหารหวานที่ติดฟัน เช่นลูกผม หรือผลไม้แห้งจะติดฟันได้นานซึ่งจะทำให้ฟันอยู่ในสภาวะที่เป็นกรดนาน
4.สำหรับเด็กไม่ควรจะให้อมหัวนมจะหลับเพราะจะทำให้เกิดฟันผุ
5.การอมหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของ Xylitol จะลดการเกิดฟันผุ เนื่องจากสารนี้จะยับยั้งการใช้น้ำตาลของเชื้อแบคทีเรีย
6.การให้แคลเซียมและฟลูออไรด์ก็จะลดการเกิดฟันผุ
2.จะต้องปรับเปลี่ยนเรื่องอาหารได้การลดอาหารหวานหรือจำพวกแป้ง จะต้องลดความถี่ของการรับประทานของหวานลง 3.นอกจากนั้นอาหารหวานที่ติดฟัน เช่นลูกผม หรือผลไม้แห้งจะติดฟันได้นานซึ่งจะทำให้ฟันอยู่ในสภาวะที่เป็นกรดนาน
4.สำหรับเด็กไม่ควรจะให้อมหัวนมจะหลับเพราะจะทำให้เกิดฟันผุ
5.การอมหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของ Xylitol จะลดการเกิดฟันผุ เนื่องจากสารนี้จะยับยั้งการใช้น้ำตาลของเชื้อแบคทีเรีย
6.การให้แคลเซียมและฟลูออไรด์ก็จะลดการเกิดฟันผุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น